ชื่อหยก เป็นชื่อของหลานสาว วัยน่ารักที่เพิ่งจบอนุบาล และปีนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นป.1 ด้วยความน่ารักของเธอ เราจึงอยากใช้ชื่อนี้เป็นเบื้องต้น สำหรับการทำความรู้จักหวังว่า ความน่ารักจะนำพาให้เรามีความสุข ทั้งกายและใจ ในท่ามกลางความทุกข์ร้อน ไม่ว่าเรื่องใด
ความจริงคือความจริง โลกเรากำลังเดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า ทั้งสังคม การเมือง เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ที่พากันระดมความทุกข์ ความเดือดร้อน มาสู่พวกเราชาวมนุษย์โลก แต่
แม้จะเดือดร้อน ทุกข์เข็น และแสนทรมานแค่ไหน ชีวิตก็ต้องต่อสู้
เช่นเดียวกับเรา
แต่เราโชคดีที่ยังมีพื้นที่ระบายความเดือดร้อน เช่นที่กำลังทำอยู่นี้
ความทุกข์ของเรา ก็คือการต้องดิ้นรน หา "เงิน" มาหล่อเลี้ยงชีวิต แม้บางคนจะบอกว่า ไม่จำเป็น
คนที่บอกว่าเงินไม่จำเป็น ก็เพราะเขาไม่ต้องใช้เงิน แต่เขามีสิ่งที่ไม่ต้องซื้อด้วยเงินอยู่แล้วน่ะซิ สำหรับเราไม่ใช่ เรื่องเงินสำหรับเรา มันคือความจำเป็น ที่ต้องใช้เงิน สำหรับการดำรง ชีวิต
ทีนี้ เราจะต้องมีเงินเท่าไร จึงจะพอ กับความจำเป็น ของชีวิตเรา ก็ต้องมาดูกันว่า ค่าใช้จ่ายมีเท่าไร ที่ว่าต้องดิ้นรนนั้น ก็เพื่อที่จะทำให้รายได้พอดีกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของเรานั่นเอง(ยังไม่ต้องคิดถึงเงินเก็บ) นี่ไม่รวมถึงหนี้สินนะคะ เอาแค่พอกินไปวันๆ
รายได้พอปะทังชีวิตของเราในวันนี้หาได้จากการแนะนำสินค้าทางอินเตอร์เนต ดูจะเป็นคำพูดแบบคนสมัยใหม่ ที่กำลังได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากหลายฝ่าย
เหตุผลหลายอย่างที่เราเลือกใช้อินเตอร์เนตเป็นเส้นทางอาชีพ
ไม่ต้องมีหน้าร้าน
ไม่ต้องเดินทาง
ไม่ต้องลงทุนสต๊อกสินค้าเยอะๆ
ไม่เสียค่าที่
เรามีเวลาอยู่บ้าน มีเครื่องคอมพิวเตอร์ และมีอินเตอร์เนต
เพียงทุ่มเท โปรโมท ให้คนเห็น และสนใจสั่งซื้อ
กำไร ที่ได้จากการจำหน่ายสินค้า พอยังชีพ
นั่นคือความพึงพอใจของเรา
เรายังมีอีกหลายๆด้าน ของงานทางเนต ที่อยากจะอธิบาย
แน่นอน เรื่องราวมากมาย ที่ได้จากการทำงาน
การเริ่มต้น ความยากง่าย สินค้าอะไร ลูกค้าเป็นใคร ทำอย่างไร ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ต้องศึกษากัน
มากมาย บางคนคิดว่ายุ่งยาก แต่ถ้าสนใจจริงๆแล้วละก้อ อินเตอร์เนตเป็นทางเลือกของการมีรายได้ ที่คนธรรมดาๆ อย่างเราๆ ก็มีสิทธิทำได้เหมือนกัน
เราก็เป็นคนธรรมดา ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีเงินทุน ไม่ได้มีสมองล้ำเลิศ
เราก็ทำได้ค่ะ นี่เราไม่ได้มายั่วยุให้ใครทำตามเรานะคะ เพียงแค่บอกว่าเรามีรายได้จากอินเตอร์เนตแบบพอประทังชีวิต
ความรับผิดชอบของเราเวลานี้ก็คือ
พ่อเราเป็นอัมพาตมาเป็นเวลานานแล้ว เกือบๆ ยี่สิบปี ตอนนี้ยังเป็นอยู่ แต่แข็งแรงช่วยตัวเองได้แค่ นั่ง นอน กินข้าว ขับถ่าย ตอนนี้พ่ออายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว
ส่วนแม่ อายุหกสิบเก้า แก่ชรา ไปตามๆกัน ทำอะไรไม่ค่อยไหว คอยดูแลหา อาหารให้พ่อ และคอยให้กำลังใจ แก่กัน
สองคนตายาย มักจะปรับทุกข์กันเสมอ บางวันก็ทะเลาะกัน เพราะพูดไม่ถูกหู เป็นธรรมดาของมนุษย์
เราอยู่กับ พ่อแม่ ที่แก่ชรา เป็นตายาย สองคน ที่ทำอะไรไม่ไหว แต่ยังพอช่วยตัวเอง คือทำธุระส่วนตัวได้บ้าง
เรามีครอบครัว ที่มีพ่อ แม่ เท่านั้น
มีหลายคนถามถึงการแต่งงาน
เราไม่ได้แต่งงานค่ะ จึงเป็นโสด อยู่กับบ้าน ดูแล พ่อ แม่ ที่คนนึงป่วยเป็นอัมพาต และแม่ที่ป่วยตามวัย
เราอยู่กันสามคน!
พ่อ แม่ ลูก
และเราเป็นลูก
ส่วนน้องหยก เป็นหลาน เราไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน น้องหยกเป็นลูกของน้องชาย ที่แยกครอบครัวไปมีบ้านของตนเอง (ตอนนี้ยังส่งกับธนาคาร)
น้องชายถึงมีครอบครัวไปแล้ว แต่ไม่ต้องร่ำรวย แถมเป็นหนี้ทั้งเรื่องบ้าน เรื่องรถ และเลี้ยงลูกสองคนซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของคนเมือง ที่ต้องดิ้นรน ต่อสู้กับชีวิตกันต่อไป
เอาเป็นว่า เราพอจะรู้จักกันแล้ว
ความจริงเรื่องราวรายละเอียดมีมาก แต่คงไม่น่าสนใจเท่ากับ การดำรงชีพอย่างไร ให้อยู่รอด ในท่ามกลางความยากลำบาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น